พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนระหว่างวันที่ 13-17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตามคำทูลเชิญของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน การเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนตรงกับวาระครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย และ 50 ปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย นับเป็นครั้งแรกที่พระมหากษัตริย์เสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนตั้งแต่จีนกับไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต โดยจีนเป็นประเทศใหญ่ประเทศแรกที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินเยือนนับแต่ทรงขึ้นครองราชย์

เช้าวันที่ 14 พฤศจิกายน ค.ศ.2025 นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน เฝ้าฯรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพิธีรับเสด็จอย่างเป็นทางการ ณ มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง
นายสี จิ้นผิง กล่าวว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้ความสำคัญกับประเทศจีน ทรงเลือกประเทศจีนเป็นประเทศใหญ่ประเทศแรกในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนอย่างเป็นทางการ และทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรกที่เสด็จเยือนจีนนับแต่จีนกับไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต แสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงให้ความสำคัญอย่างสูงกับความสัมพันธ์จีน-ไทย และมิตรภาพอันลึกซึ้งที่ว่า“จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน”

นายสี จิ้นผิง ได้กล่าวแสดงความความอาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยกล่าวถึงประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างราชวงศ์ไทยและจีน ตลอดจนความซาบซึ้งอย่างยิ่งต่อบทบาทสำคัญในการส่งเสริมมิตรภาพจีน-ไทย ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย และ 50 ปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย ตลอดครึ่งศตวรรษนับตั้งแต่จีนกับไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต เมื่อเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงระหว่างประเทศ จีน-ไทยจับมือเคียงบ่าเคียงไหล่กัน เกื้อหนุนซึ่งกันและกันมาโดยตลอด เป็นญาติที่ดี มิตรที่ดี หุ้นส่วนที่ดี เมื่อยืนอยู่บนจุดเริ่มต้นใหม่ในประวัติศาสตร์ ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะทำงานร่วมกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อนำการสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกัน ให้บรรลุความก้าวหน้าที่ยิ่งใหญ่กว่าในอีก 50 ปีข้างหน้า และร่วมกันเขียนบทใหม่แห่งมิตรภาพจีน-ไทย
ทั้งนี้ ที่ประชุมเต็มคณะของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 20 ครั้งที่ 4 ได้พิจารณาและเห็นชอบข้อเสนอว่าด้วยแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจีน ฉบับที่ 15 (ค.ศ. 2026 - 2030) ซึ่งจะมุ่งเน้นการส่งเสริมการพัฒนาที่มีคุณภาพสูง ขยายการเปิดประเทศในระดับสูง ประเทศไทยที่อยู่ในช่วงสำคัญของการพัฒนาและการฟื้นฟูประเทศ จีนยินดีที่จะเสริมสร้างการประสานทางยุทธศาสตร์กับไทย เดินหน้าความร่วมมือในโครงการสำคัญๆอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการรถไฟจีน-ไทย เพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตรคุณภาพสูงจากไทย และขยายความร่วมมือในสาขาใหม่ๆ อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ เศรษฐกิจดิจิทัล การบินและการบินอวกาศ ฯลฯ เพื่อให้ประชาชนของทั้งสองประเทศได้ประโยชน์ที่แท้จริงจากความร่วมมือระหว่างจีน-ไทย ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนสองประเทศ เพื่อให้ประชาชนสองประเทศมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น จีนยินดีสนับสนุนโครงการสาธารณประโยชน์ของราชวงศ์ไทยย่างเต็มที่ ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การบรรเทาความยากจน และช่วยเหลือประเทศไทยในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสยินดีที่ได้เยือนประเทศจีนอีกครั้งหลังผ่านมาหลายปี ประเทศจีนเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง แสดงให้เห็นถึงโฉมใหม่ของจีนที่ทันสมัยและจีนที่งดงาม พร้อมแสดงความยินดีที่ประเทศจีนประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ทรงย้ำถึงความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างไทย-จีนที่ใกล้ชิดที่สุด การแลกเปลี่ยนที่ใกล้ชิดระหว่างประชาชนสองประเทศ ความร่วมมือที่กว้างขวางและลึกซึ้งซึ่งเป็นประโยชน์ร่วมกัน ความร่วมมือระหว่างไทยและจีนเป็นความร่วมมือฉันพี่น้อง ประเทศไทยยินดีที่จะเรียนรู้ประสบการณ์การพัฒนาของจีน ขยายความร่วมมือกับจีนในสาขาต่าง ๆ เพิ่มการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและบุคลากร กระชับมิตรไมตรีระหว่างไทย-จีนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ในระหว่างการเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ยังได้ทรงวางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์วีรชนแห่งประชาชน และทอดพระเนตรนิทรรศการต่าง ๆ ในกรุงปักกิ่ง เพื่อทรงทำความเข้าใจความสำเร็จของจีนในการพัฒนาประเทศให้ทันสมัย และส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างจีน-ไทย
เชื่อว่า ภายใต้การชี้นำร่วมกันของประมุขสองประเทศ มิตรภาพอันลึกซึ้งที่ว่า“จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” จะคงอยู่ชั่วนิรันดร์ และในอีก 50 ปีข้างหน้าความสัมพันธ์จีน-ไทยจะก้าวหน้ายิ่งขึ้นไปอีก
นอกจากการแลกเปลี่ยนกันในระดับสูงแล้ว การแลกเปลี่ยนของประชาชนระหว่างจีน-ไทยก็มีความใกล้ชิดกันมากขึ้น ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมปีที่แล้ว จีนกับไทยยกเว้นวีซ่าซึ่งกันและกัน ทั้งสองประเทศเข้าสู่ยุคฟรีวีซ่า การไปมาหาสู่กันระหว่างประชาชนสองประเทศมีความสะดวกยิ่งขึ้น

ช่วงหลายปีมานี้ การแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างจีน-ไทยก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลจากเว็บไซต์สำนักงานศุลกากรแห่งชาติจีนระบุว่า ปี 2024 ยอดการค้าระหว่างจีนกับไทยมีมากกว่า 130,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จีนยังคงเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทยติดต่อกันมาหลายปี เป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของไทย และเป็นประเทศที่มีการลงทุนมากที่สุดในไทย
ขณะนี้ จีนและไทยกำลังใช้ประโยชน์จากวาระครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันในปีนี้ เพื่อเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนในทุกระดับ เดินหน้าโครงการ“หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” รถยนต์พลังงานใหม่ แบตเตอรี่ลิเธียมและสินค้าโซล่าเซลล์ของจีนส่งออกไปยังประเทศไทย ส่งเสริมการปรับเปลี่ยนเศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียวของไทย ขณะเดียวกัน บริษัทไทยในจีนซึ่งรวมถึงเครือซีพี ก็มีส่วนร่วมอย่างลึกซึ้งในกระบวนการปฏิรูปและเปิดประเทศของจีน และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากชาวจีน
เรามีเหตุผลเพียงพอทุกประการที่จะหวังได้ว่า ในอนาคต จีนกับไทยจะยังคงสนับสนุนซึ่งกันและกัน และทำงานร่วมกันเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้มุ่งสู่“50 ปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย” ต่อไป