ศูนย์อาเซียน-จีน (ACC) ได้จัดงานเทศกาลทุเรียนอาเซียน-จีน ที่กรุงปักกิ่ง เปิดให้สถานเอกอัครราชทูต 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน ได้ออกบูธนำเสนอรสชาติทุเรียนสด และโชว์เคสผลิตภัณฑ์ทุเรียนที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับผู้เข้าร่วมได้ลิ้มรสชาติ ซึ่งปัจจุบันมี 5 ประเทศสามารถส่งออกทุเรียนสดไปยังตลาดจีนได้แล้ว ได้แก่ ไทย เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา โดยการจัดงานครั้งนี้ ก็เพื่อส่งเสริมความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ทุเรียน และยกระดับความร่วมมือด้านการเกษตร

นายสื่อ จงจุ้น เลขาธิการ ACC กล่าวว่า งานเทศกาลทุเรียนจีน-อาเซียน ได้ยกให้ทุเรียนเป็นผลไม้ชูโรง และสื่อกลางการนัดพบกันครั้งนี้ เพราะทุเรียนถูกขนานนามเป็นราชาแห่งผลไม้เมืองร้อน มีรสชาติเข้มข้น และกลมกล่อม เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ที่หวานหอมระหว่างจีนและอาเซียนที่ดำเนินมายาวนาน
เลขาฯ ACC ระบุในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนได้ปรับขั้นตอนศุลกากรให้คล่องตัวขึ้น จนถึงการนำเข้าสู่ตลาดจีนใช้เวลาเพียง 3-5 วัน เพื่อจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ การไลฟ์สด และการจัดส่งกระจายไปยังคลังสินค้าอย่างรวดเร็ว เพื่อเสิร์ฟเป็นผลไม้รสชาติเยี่ยมบนโต๊ะอาหารทุกบ้านชาวจีน

“การจัดงานเทศกาลในวันนี้ ถือเป็นการเปิดจักรวาลทุเรียนที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งเบื้องหลังความนิยมทุเรียนอาเซียนในจีนที่เพิ่มขึ้น เป็นเพราะการพัฒนากรอบความร่วมมือ และมาตรการอำนวยความสะดวกทางการค้าที่ถูกอัปเกรดให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น” เลขาฯ ACC กล่าว
นายฉัตรชัย วิริยเวชกุล เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงปักกิ่ง กล่าวว่า จีนเป็นตลาดใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดสำหรับผลไม้อาเซียน โดยมีทุเรียนอยู่ในอันดับต้นๆ ของรายการผลไม้นำเข้าสู่ตลาดจีน สำหรับไทย จีนเป็นจุดหมายปลายทางการส่งออกผลไม้อันดับหนึ่ง โดยเฉพาะจำนวนการส่งออกไม่ใช่แค่บอกสถิติ แต่นั่นเป็นการส่งสัญญาณความสัมพันธ์ทางการค้าและวัฒนธรรมที่ลึกซึ้ง
“ไทยให้ความสำคัญกับทุเรียนคุณภาพสูงสุด และโฟกัสความเป็นมืออาชีพในอุตสาหกรรมการส่งออกทุเรียน ตั้งแต่การรักษาสายพันธุ์ที่ดั้งเดิม ช่วงเวลาเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม ระยะเวลาการจัดส่งผ่านระเบียบหลักเกณฑ์การนำเข้า และส่งถึงมือผู้บริโภคชาวจีนต้องใช้เวลาน้อยที่สุด เพื่อให้ชาวจีนมั่นใจว่า ได้รับประทานทุเรียนที่พรีเมียม และนี่คือจุดขายครองใจชาวจีน” ทูตฉัตรชัยระบุ
ทั้งนี้ หากชาวจีนต้องการรับประทานทุเรียนหมอนทอง หรือชะนีพันธุ์แท้ก็ต้องรับประทานทุเรียนไทย ขณะเดียวกัน ยังได้พัฒนาสายพันธุ์ทุเรียนใหม่ๆ เช่น กระดุม พวงมณี กระจิบ ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคชาวจีนที่หลากหลายยิ่งขึ้น และที่สำคัญไทยสามารถปลูกทุเรียนได้ตลอดทั้งปี สามารถพร้อมเสิร์ฟทุเรียนพรีเมียมตลอดปี

ส่วนนาย Pham Thanh Binh เอกอัครราชทูตเวียดนาม ประจำกรุงปักกิ่ง กล่าวว่า เวียดนามได้เปรียบในการส่งออกทุเรียนไปยังจีน เนื่องจากมีต้นทุนการขนส่งที่ต่ำกว่า ขณะเดียวกันกำลังปรับตัว เพื่อรับมือกับความท้าทายในการส่งออกทุเรียน รวมถึงการปรับปรุงคุณภาพของทุเรียน การสร้างแบรนด์ และขณะนี้ได้พยายามปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยของจีน

นาย Jaime FlorCruz เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ ประจำกรุงปักกิ่ง ได้นำเสนอทุเรียนพันธุ์ Puyat อันโด่งดังของประเทศ และบอกว่า“ถ้าไม่หวาน คืนเงินให้” นี่เป็นสโลแกนทุเรียนฟิลิปปินส์ ซึ่งเรามั่นใจในรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะและแตกต่างจากทุเรียนชาติอื่น และมีเนื้อสัมผัสดุจเนย ลงตัวระหว่างความหวานและกลิ่นหอม นำเข้ามายังตลาดจีนครั้งแรกเมื่อปี 2023 มีแนวโน้มได้รับความนิยมจากชาวจีนมากขึ้น เมื่อพิจารณาตัวเลขมูลค่าการส่งออกทุเรียนมายังจีน จนถึงเดือนมิถุนายน อยู่ที่ประมาณ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่ Norfarina Mohd Azmee อัครราชทูตมาเลเซีย ประจำกรุงปักกิ่ง กล่าวว่า การส่งออกทุเรียนมูซังคิงที่มีชื่อเสียง จากมาเลเซียไปยังประเทศจีนกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่สามารถนำเข้าผลทุเรียนสดมายังตลาดจีนได้เมื่อปี 2023 ด้วยรสชาติหอมหวาน แม้จะราคาสูง แต่ความนิยมได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นในหมู่ชาวจีน
ด้านนาง Soeung Rathchavy เอกอัครราชทูตกัมพูชา ประจำกรุงปักกิ่ง กล่าวว่า ทุเรียนกัมพูชาล็อตแรก จำนวน 2 ตันได้ขนส่งทางอากาศด้วยสายการบินแห่งชาติกัมพูชา จากกัมปอต ส่งมาถึงเจิ้นโจว มณฑลเหอหนาน เมื่อ 6.00 น.เช้าของวันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม 2025 ทั้งนี้ สถานทูตได้นำผลิตภัณฑ์ทุเรียนหลากหลาย ไม่เพียงแต่มีทุเรียนสด แต่ยังรวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปอื่นๆ เช่น ไอศครีมทุเรียนในงานนี้ด้วย

นาย Phouva Samounty อัครราชทูตลาว ประจำกรุงปักกิ่ง กล่าวว่า ประเทศลาวมีโครงการขยายพื้นที่เพาะปลูกทุเรียนขนาดใหญ่ในแขวงอัตตะปือ ตอนใต้ของลาว ครอบคลุมพื้นที่กว่า 1,250 ไร่ ซึ่งจะเป็นโอกาสเพิ่มเติมให้กับสินค้าเกษตรลาวในอนาคต นอกเหนือจากการส่งออกสินค้าเกษตรปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่ขนส่งข้ามแดนทางบก รวมถึงผ่านเส้นทางรถไฟลาว-จีน
ภายในงานเทศกาลทุเรียนครั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตเมียนมาได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ทุเรียนแปรรูปอื่นๆ เช่น ทุเรียนกวน ขนมเทียนทุเรียน ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตบรูไน ได้จัดทำขนมเค้ก คุ๊กกี้ ขนมไข่ทุเรียนมานำเสนอให้กับผู้เข้าร่วมงานอีกด้วย อีกด้านหนึ่งสถานเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียได้นำเสนอแหล่งพื้นที่การปลูกทุเรียนในพื้นที่วงแหวนภูเขาไฟที่เลื่องชื่อในความอุดมสมบูรณ์เหมาะกับการเพาะปลูกได้ช่วยการันตีทุเรียนอินโดนีเซียมีความอร่อยไม่แพ้ใคร
นอกจากนี้ สถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียยังนำเสนอคู่มือฉบับย่อ เกี่ยวกับวิธีการจำแนกทุเรียนที่โด่งดังที่สุดในมาเลเซีย โดยพิจารณาจากสีสันเนื้อทุเรียน เพื่อให้ผู้บริโภคได้เลือกรับประทานตามความหวานที่ต้องการ
ปัจจุบันอาเซียนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของจีน 5 ปีติดต่อกันแล้ว และจีนยังคงรักษาตำแหน่งผู้ค้ารายใหญ่ที่สุดของอาเซียนเป็นเวลา 16 ปีติดต่อกัน ซึ่งปี 2024 มีมูลค่าการค้าระหว่างกันอยู่ที่ 6.99 ล้านล้านหยวน โดยมีสินค้าเกษตรคิดเป็นสัดส่วน 10% และยังรักษาสมดุลการเติบโตอย่างดี โดยเฉพาะผลไม้เมืองร้อน นำโดยทุเรียนอาเซียน และอื่นๆ เช่น มังคุด ลำไย และแก้วมังกร ขณะเดียวกัน แอปเปิ้ล สาลี อุปกรณ์การเกษตรที่ทันสมัย และเทคโนโลยีสีเขียวของจีน ก็ได้ถูกนำเข้าให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในอาเซียน ทั้งนี้ก็เพื่ออัปเกรดอุตสาหกรรม และได้ประโยชน์ร่วมกัน
การจัดงานครั้งนี้ นอกเหนือจากการเพิ่มโอกาสการแข่งขันด้านการส่งออกทุเรียนไปตลาดจีนแล้ว ก็ยังเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการเกษตรให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป นับตั้งแต่ปี 1991 ที่จีนได้ลงเรือลำเดียวกันกับอาเซียน พากันจับมือก้าวจากสิบปีทอง สู่สิบปีเพชรน้ำหนึ่ง ซึ่งในปีหน้าจะครบรอบ 5 ปี แห่งการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม ตั้งแต่ความสำเร็จของเขตการค้าเสรี ไปจนถึงผลบังคับใช้ RCEP สู่เส้นทางหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง และชุมชนแห่งโชคชะตาร่วมกันจีน-อาเซียน