คุณรู้หรือไม่ว่าปัจจุบันผลิตภัณฑ์เครื่องสําอางจากมณฑลยูนนานขยายเข้าสู่ตลาดประเทศไทยแล้ว ผลิตภัณฑ์นี้มีชื่อว่าวิโนน่า (Winona) ทั้งนี้ ในปี 2566 วิโนน่าได้ครองอันดับหนึ่งของตลาดผลิตภัณฑ์บํารุงและดูแลผิวของจีนเป็นเวลาหลายปี ในปี 2567 ผลิตภัณฑ์วิโนน่าได้เข้ามาจัดตั้งสาขาในประเทศไทย
วันนี้ เราจะพาคุณไปเยี่ยมชมบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพเบทานีกรุ๊ป (ต่อจากนี้เรียกว่าเบทานีกรุ๊ป) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแบรนด์วิโนน่า เพื่อสอบถามถึงเบื้องลึกเบื้องหลังการขยายเข้าสู่ตลาดไทยของแบรนด์วิโนน่า
เบทานีกรุ๊ปเป็นบริษัทที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงของประเทศจีนมุ่งเน้นไปที่กลุ่มเครื่องสําอางประเภทต่างๆ ในแวดวงอุตสาหกรรมมาเป็นเวลาหลายปี ผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ครีมบำรุงชนิดพิเศษ ผลิตภัณฑ์ทําความสะอาดผิวหน้า ครีมกันแดด เอสเซนส์รีแพร์ มาสก์รีแพร์ ฟรีซดรายเฟเชียลมาสก์ และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่บริษัทเบทานีกรุ๊ปคิดค้นขึ้นมาเป็นพิเศษสําหรับผิวแพ้ง่าย เหมาะกับผู้ที่ต้องการการดูแลที่ละเอียดอ่อนและสําหรับผิวที่แพ้ง่าย
บริเวณห้องปฏิบัติของผลิตภัณฑ์วิโนน่า เราจะเห็นไลน์การผลิตต่าง ๆ เช่น เครื่องจักรที่ทันสมัยหลายเครื่อง เจ้าหน้าที่ซึ่งสวมชุดทํางานสีขาวสะอาด พร้อมกับสวมอุปกรณ์ป้องกันมืออาชีพ พวกเขากำลังควบคุมและตรวจเช็คเครื่องจักรอย่างละเอียด การทำงานของแผนกนี้เจ้าหน้าที่จะแบ่งเป็นหลายส่วน เช่น การบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ การตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ ทุกคนต่างตั้งใจทำงานเพื่อให้กระบวนการผลิตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
ยูนนานเป็นมณฑลที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดในประเทศจีน จึงเป็นแหล่งที่มาของพืชพรรณที่มีลักษณะเฉพาะจํานวนมาก เหมาะสําหรับการพัฒนาและคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ดังนั้น เบทานีกรุ๊ปจึงได้จัดตั้งห้องปฏิบัติการสกัดพืชที่มีเอกลักษณ์ยูนนานขึ้น เพื่อคิดค้นนำสารสกัดจากพืชเหล่านี้มาเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวต่าง ๆ
ในห้องปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่ R&D จะใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัยและเครื่องมือที่มีความแม่นยําสูงเพื่อทําการทดลองซ้ำหลาย ๆ ครั้ง รวมถึงการปรับสัดส่วนและการผสมวัตถุดิบอย่างต่อเนื่อง มุ่งมั่นที่จะทําให้ผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาคิดค้นนี้มีประสิทธิภาพต่อผิวมากที่สุด ในขณะเดียวกัน บริษัทยังดําเนินการตรวจเช็คคุณภาพของผลิตภัณฑ์อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงตรวจเช็คการผลิตทุกขั้นตอนตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบไปจนถึงผลิตภัณฑ์ออกจากโรงงาน
หากคุณต้องการที่จะได้ผลตอบแทนในระยะยาวก็ต้องยอมที่จะลงทุนในด้าน R&D ในปี 2566 เบทานีกรุ๊ปใช้งบลงทุนด้าน R&D 335 ล้านหยวน (ราว 1,687 ล้านบาท) มากกว่างบ R&D ของปีที่ผ่าน20.57% คิดเป็น 6.07% ของรายได้จากผลประกอบการทั้งหมดจากการทุ่มเทในด้านการพัฒนาและคิดค้น ตลอดจนการควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ทำให้วิโนน่าได้รับการตอบรับที่ดีและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ทั้งนี้ ในปี 2566 แบรนด์วิโนน่าสร้างรายได้ให้กับเบทานีกรุ๊ปมากถึง 5,192 ล้านหยวน (ราว 26,149 ล้านบาท) ต่อมาในเดือนพฤษภาคมปีนี้ วิโนน่าได้ขยายตลาดเข้าสู่ประเทศไทย ปัจจุบัน ผู้บริโภคชาวไทยสามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์วิโนน่าได้แล้วทางออนไลน์และในร้านค้า Beautrium ของไทยจํานวน 41 สาขา