ผู้แปล‘สี จิ้นผิง ยุทธศาสตร์การบริหารประเทศ’ชี้หนังสือเล่มนี้เป็นผลิตภัณฑ์สาธารณะล้ำค่าที่จีนมอบแก่ประเทศกำลังพัฒนา

CRI, May 6, 2022
Size:

ดร. วิรุฬห์ พิชัยวงศ์ภักดี รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยความร่วมมือ“หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ไทย-จีน เป็นผู้รับผิดชอบทีมนักแปลหนังสือเรื่อง“สี จิ้นผิง ยุทธศาสตร์การบริหารประเทศ” เล่มที่ 2 จากภาษาจีนเป็นภาษาไทย เมื่อเร็ว ๆ นี้ ดร. วิรุฬห์ พิชัยวงศ์ภักดี ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวไชน่ามีเดียกรุ๊ป

เดือนเมษายน ค.ศ. 2017“สี จิ้นผิง ยุทธศาสตร์การบริหารประเทศ” เล่มที่ 1 จัดพิมพ์จำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ได้รับความสนใจและเสียงตอบรับชื่นชมระดับสูงในวงกว้างจากสังคม ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐบาล ผู้เชี่ยวชาญด้านจีนศึกษา และสื่อมวลชน ซึ่งล้วนแสดงความสนใจอย่างยิ่งต่อหนังสือเล่มนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แนะนำหนังสือเล่มนี้ต่อสมาชิกคณะรัฐมนตรีหลายครั้งด้วย

ดร. วิรุฬห์ พิชัยวงศ์ภักดี ดำเนินงานศึกษาปัญหาและประเด็นที่น่าสนใจของจีนมาเนินนาน ทั้งยังตั้งใจอ่านหนังสือ“สี จิ้นผิง ยุทธศาสตร์การบริหารประเทศ” เล่มที่ 1 มาแล้ว โดยมีวัตถุประสงค์ทำความเข้าใจประเทศจีนผ่านการศึกษาแนวคิดของผู้นำสูงสุดและเรียนรู้ประสบการณ์การพัฒนาของจีน

ต่อมาในปี 2020 ดร. วิรุฬห์ พิชัยวงศ์ภักดี เป็นผู้รับผิดชอบทีมนักแปลหนังสือเรื่อง“สี จิ้นผิง ยุทธศาสตร์การบริหารประเทศ” เล่มที่ 2 ขณะนี้ หนังสือเล่มนี้ฉบับภาษาไทยเข้าสู่ช่วงจัดพิมพ์จำหน่ายแล้ว โดยจะเปิดตัวสู่ผู้อ่านภาษาไทยทั้งในประเทศไทยและประเทศอาเซียนอื่น ๆ ดร. วิรุฬห์ พิชัยวงศ์ภักดี กล่าวว่า หนังสือเล่มนี้อุดมไปด้วยแนวคิดทางวัฒนธรรมและปรัชญาจีนมากมาย ในกระบวนการแปลจากจีนเป็นไทยเขาและทีมนักแปลพิจารณาไตร่ตรองครั้งแล้วครั้งเล่าพิถีพิถันอย่างยิ่งในงานแปลทุกบท เพื่อประกันให้การสื่อสารความหมายดั้งเดิมจากบทนิพนธ์ภาษาจีนออกมาได้เต็มร้อย เปิดโอกาสให้ผู้อ่านภาษาไทยเข้าใจแก่นแท้ของบทนิพนธ์ประธานาธิบดี สี จิ้นผิงของจีน

ดร. วิรุฬห์ พิชัยวงศ์ภักดี เห็นว่าทั้งทัศนคติ แนวคิด บทเรียน และประสบการณ์ที่บันทึกอยู่ในหนังสือเล่มนี้มีบทบาทควรค่าแก่การศึกษาเรียนรู้และนำไปประยุกต์ใช้ในไทย ตลอดจนประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ยกตัวอย่างการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศภายในธีม“หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” กับแนวคิดการพัฒนาสร้างสรรค์ประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาตินั้น ไม่เพียงแต่นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงแบบไม่เคยมีมาก่อนแก่ประเทศไทยเท่านั้น หากยังทำให้ทั่วโลกได้รับประโยชน์อย่างมาก